วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2558
อาการ เร่งหาย .ไม่คงที่ .เร่งอืด .เร่งกระโดด เพราะคันเร่งสัญญานเพี้ยน
เนื่องจากความก้าวหน้า ของระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบ ECI หรือ ELECTRONIC CONTROL INJECTION ที่จะคอยควบคุมการป้อนเชื้อเพลิง กับอากาศ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้กำลังของเครื่องยนต์ในแต่ละช่วงเวลาที่ต้องการ ขาคันเร่งจึงเปลี่ยนเป็นแบบระบบไฟฟ้าแทนระบบสายสลิง
แต่ทั้งนี้จะต้องทำงานร่วมกับตัวส่งสัญญานต่างๆ คือ
1.Air flow sensor คือตัวจับปริมาณไอดี ซึ่งรวมถึงการไหลของอากาศ อุณหภูมิของอากาศ ความสม่ำ
เสมอของอากาศ
2.Temperatuer sensor คืออุณหภูมิของเครื่องยนต์
3.Catalytic converter คือไส้กรองที่คอยกำจัดแก็สไอเสียบางอย่าง เพื่อช่วยให้ระบบจ่ายเชื้อเพลิงได้
ปริมาณที่เหมาะสม
4.Ignition sensor คือองศาการจุดระเบิด ซึ่งรวมถึงการเลือกจังหวะการจุดระเบิดที่เหมาะสมกับค่าของ
เชื้อเพลิง รอบการทำงาน ภาระการทำงานของเครื่องยนต์
อุปกรณ์เหล่านี้จะส่งสัญญานไปที่ ศูนย์ประมวลผล หรือชื่อ ECM ( Elelectronic Control Managenent ) หรือ ECU นั้นเองที่เราเรียกบ่อยๆ
โดยเจ้าศูนย์ประมวลผล หรือชื่อ ECM หรือ ECU แล้วแต่จะเรียกนี้มันก็คือ 'กล่องคอมพิวเตอร์" โดยทำหน้าที่ประมวลผล แล้วส่งสัณณานไปควบคุมอุปกรณ์อื่นๆอีกที เช่น ปั้มแรงดันเชื้อเพลิง หัวฉีด การจุดระเบิด ลิ้นเร่ง เป็นต้น
ในรถยนต์รุ่นใหม่ๆจะใช้ระบบมอร์เตอร์ไฟฟ้ามาเปิดลิ้นเร่งแทนสายสลิงในระบบเก่า ดังนั้นการส่งสัณณานของขาคันเร่งจึงถูกสร้างมาในแบบการทำงานคือ จะเพิ่มหรือลดค่าต่างศักย์ ของไฟฟ้า และโดยมากในการเพิ่มหรือลดโวล์เตจนั้นจะมีในแบบส่งสัณณานโดยตรง หรือผ่านกล่องควบคุมอีกชั้นนึง
และอย่างที่ทราบกันดีว่าระบบการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้านั้นเอาแน่เอานอนไม่ค่อยจะได้เพราะว่าไม่สามารถจับต้องมันได้ และอายุก็เป็นตัวทำให้ค่าการทำงานเสื่อม รวมถึงความขชื้น อุณหภูมิของหน้าสัมผัส ดังนั้นเมื่อใดที่รู้สึกว่าอายุรถยนต์ของเราเกิน 5 ปี หรือเกิน 100000 และมีอาการเร่งหาย .ไม่คงที่ .เร่งอืด .เร่งกระโดด ก็ลองนำรถไปเช็คค่าของขาคันเร่งดูนะครับ
วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2558
เรื่อง ลิมิเต็ดสลิป สำคัญหรือไม่อย่างไร
ลิมิเต็ดสลิป หรือ Limited Slip Differential หรือที่เราเรียกสั้นๆว่า LSD นั้นแหละครับ
เนื่องจากโดยปกติแล้วในรถยนต์ทั่วๆไปไม่ว่าจะเป็นระบบขับเคลื่อนในล้อหน้า หรือล้อหลังจากโรงงาน ก็จะมีชุดเฟืองท้ายแบบอิสระที่ไม่มีลิมิเต็ดสลิปมาให้นะครับ ยกเว้นในบางรุ่นที่ผลิตมา เช่นรถยนต์ประเภท 4x4
ทั้งนี้ข้อดีของการที่ ไม่มีลิมิเต็ดสลิป ก็คือมันเหมาะสมกับการใช้รถยนต์ในชีวิตประจำวันของเราเพราะสามารถที่จะเข้าโค้งได้้ง่าย เพลาทั้งสองข้างเป็นอิสระจากกัน แต่ด้วยความเป็นอิสระนั้นเองที่ทำให้เครื่องยนต์ที่มีแรงม้า หรือกำลังมากๆไม่สามารถที่จะถ่ายทอดกำลังทั้งหมดลงสู่ยางและพื้นได้เต็มที่ครับ
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของของแต่งนี้อย่าง ลิมิเต็ดสลิป โดยโครงสร้างในปัจจุบันนั้นลิมิเต็ดสลิปมีระบบการทำงาน หรือที่ผลิตออกมาสองแบบครับคือ ระบบฟันเฟือง และระบบแผ่นครัช แต่หลักการทำงานก็จะเหมือนกันคือ จะจับเพลาให้ทั้งสองข้างหมุนให้เท่าๆกันเมื่อได้รับแรงบิดจากเครื่องยนต์ แต่ในแบบระบบฟันเฟืองนั้นหากล้อไม่แตะพื้นก็จะคลายการจับตัว ส่วนในระบบแผ่นครัชจะจับอยู่ตลอดเวลาแต่จะคลายตัว ต่อเมื่อมีแรงบิดจากเครื่องยนต์ลดลง
ในการจับตัวของ ลิมิเต็ดสลิปนั้น มีอีกสองประเภทคือ จับแบบ 2.0 และ 1.5
2.0 คือ การจับแบบตลอดเวลาเหมาะกับรถแข่งประเภทดริฟ เข้า และออกโค้งที่มีความซับซ้อนมากๆ
1.5 คือ การจับตัวของ ลิมิเต็ดสลิปที่เมื่อใดที่กดคันเร่งจะมีการจับตัวแบบ2.0 แต่เมื่อผ่อนคันเร่งจะเหลือการจับแค่ครึ่งเดียว ซึ่งเหมาะกับรถประเภทแข่งทางเรียบ และทางตรง
ดังนั้นจะเห็นว่าถึงแม้เครื่องยนต์จะได้รับการโมดิฟาย ให้มีแรงม้า แรงบิดซักเท่าใดก็ตามแต่ หากไม่สามารถที่จะถ่ายทอดกำลังทั้งหมดลงสู่ล้อได้ทั้งสองข้างก็ไม่ผลมากหากขาดลิมิเต็ดสลิป และอีกประการคือน้ำมัน ที่ใช้้ในการหล่อลื่นและการซ่อมบำรุงจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าระบบที่ไม่มี ลิมิเต็ดสลิปครับเพราะระบบมีความซับซ้อนกว่าครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)